8/12/57

ฟูจิคิว ไฮแลนด์ กับกลยุทธ์เพื่อพิชิตเครื่องเล่นให้ครบในวันเดียว


ฟูจิคิว ไฮแลนด์ ในวันธรรมดาที่ผู้คนบางเบา

สำหรับตอนนี้ขอเขียนแนะที่เที่ยวอีกที่หนึ่งที่เราชอบมากๆๆๆ นั่นก็คือ ฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji Q Highland) สวนสนุกรวมเครื่องเล่นหวาดเสียวขวัญใจวัยรุ่นค่ะ พาใครเที่ยวญี่ปุ่นเป็นต้องมีที่นี่รวมอยู่ในแผนด้วยทุกครั้ง จะให้เรามาอีกกี่รอบก็ไม่เบื่อ อิอิ
แต่ถ้าใครมาคนเดียวก็คงเหงาหน่อยนะ เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนเดินเป็นคู่ๆกระหนุงกระหนิง

ข้อมูลฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji Q Highland)

 
ฟูจิคิว ไฮแลนด์ มุมจากบนชิงช้าสวรรค์

ฟูจิคิว ไฮแลนด์ (Fuji Q Highland) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1961 มุ่งหมายให้เป็นสวนสนุกที่มีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลกกับสุดยอดทัศนยีภาพของภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ติดกัน ในวันที่อากาศดีเราจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิอยู่ตรงหน้าจากบนเครื่องเล่นได้แทบทุกชนิดค่ะ

สวนสนุกแห่งนี้เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 10-60 ปี และสูงเกิน 130 ซม.ขึ้นไป ประกอบด้วยเครื่องเล่นในโซนหลัก 20 ชนิดและเครื่องเล่นเบาๆในโซนเด็ก 2 โซน คือ Hide-and-Seek in the Forest (แฮมทาโร่) และ THOMAS LAND (รถไฟหน้าคน สำหรับเรามันน่ากลัวมากกว่าน่ารักนะ) รวมถึงลานโบว์ลิ่ง 18 เลน Q Bowl นอกจากนี้ยังมีโซนให้ถ่ายรูปน่ารักๆสไตล์ฝรั่งเศสกับ Gaspard and Lisa และถ้ามาที่นี่ในช่วงฤดูหนาว จะมีลานไอซ์เสก็ตกลางแจ้งด้วย ช่วงหัวค่ำเปิดไฟประดับประดา มองลงมาจากชิงช้าสวรรค์ได้บรรยากาศโรแมนติก
ลานไอซ์กลางแจ้ง ใครไปเล่นคนเดียวรับรองหนาวจับใจ

Thomas Land ในช่วงใกล้คริสมาส

Theme หลักของสวนสนุกเป็นสไตล์ญี่ปุ่นยุคสมัยเอโดะ ตัวการ์ตูนประจำสวนสนุกโดนใจวัยรุ่นมากๆค่ะ เป็นขบวนการ 5 สี Highlander แต่ละตัวมาพร้อมกับคาแรกเตอร์สุดกวน

ขบวนการไฮแลนเดอร์ มีสตอรี่เป็นเรื่องเป็นราว หาดูได้ในยูทูป

ฮีโร่ 5 สีเหล่านี้ นอกจากปรากฎตัวใน VTR ที่ฉายในจอทีวีให้ดูแก้เบื่อระหว่างรอคิวเครื่องเล่นแล้ว ระหว่างวันยังออกมาป่วนนักท่องเที่ยวสร้างสีสันอีกด้วย

ผังความสัมพันธ์ฮาๆ


แถมเพลงให้ฟังด้วยกับ Highlander Theme Song (。>ω<)ノ

อย่ารอช้า ว่าแล้วเราก็มาตะลุยเครื่องเล่นในสวนสนุกด้วยกันเลยดีกว่า \\\\ ٩( 'ω' )و ////

เริ่ม กันตั้งแต่ทางเข้า ใครที่นั่งรถไฟเข้ามาแบบเราจะได้ลงที่ทางเข้า 2 (Entrance 2) ของสวนสนุก ส่วนคนที่มาด้วยรถบัสจะได้ลงที่ทางเข้า 1 (Entrance 1) นะคะ เข้าสวนสนุกมาสิ่งแรกที่เราจะพบก็คือตู้จ่ายตั๋ว ถ้าซื้อตั๋วแบบ Free Pass เล่นได้ไม่อั้นทั้งวัน ก็จะมีใบหน้าของเราอยู่บนบัตรด้วย

ตั๋ว Free Pass แบบมีรูปถ่าย ... อืม หน้ากลมไปหน่อยนะ

เดินเข้าสวนสนุกไปความตื่นเต้นก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่รางรถไฟคดเคี้ยวเต็มสวนไปหมด หันหน้าไปทางขวาเป็นเครื่องเล่นโหดเครื่องแรกที่เราเจอ

Eejanaika → เอ้จะไน้กะ แปลว่า It's OK (?) รถไฟเหาะตีลังกาที่มีรอบ Spin หมุนควงมากที่สุดในโลก กับความเร็วสูงสุด 126 กม./ชม. ดีไซน์ที่นั่งเป็นแบบห้อยขา เคว้งคว้าง ให้ความรู้สึกเหมือนถูกจับเหวี่ยงไปกลางอากาศ แถมเจ้าที่นั่งนี้ยังหมุนฟรีในตัวเองได้อีก ขณะที่รถไฟแล่นไป เราจะมองเห็นคนข้างหน้าตีลังกากลับหลังมาสบตา แล้วเราก็จะตีลังกากลับหลังไปสบตาคนข้างหลังเราอีกที เครื่องนี้รับประกันความสะใจ ใครสนใจเข้าไปอ่านข้อมูลบิ้วอารมณ์กันก่อนได้ที่นี่ คลิก

เยื้องๆด้านหน้า Eejanaika มีร้านขายของที่ระลึกด้วย


เนื่องจากเห็นคนที่เดินเข้าสวนสนุกมาส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปต่อคิวเครื่องเล่นนี้ค่อน ข้างเยอะ เราเลยเลือกเดินวนซ้ายค่ะ ถ้าไปทางซ้ายเราจะเจอศูนย์อาหาร B ข้างในคล้ายๆกับโรงอาหารบริษัท รสชาดอาหารก็พอใช้ได้ค่ะ

ศูนย์อาหาร B อยู่ติดประตูทางออก Entrance 2

เดินเลยศูนย์อาหารมาหน่อยจะป็นโซน Hide-and-Seek in the Forest (แฮมทาโร่) ข้างในมีเครื่องเล่นเบาๆ 3 ชนิด และร้านขายของที่ระลึกของคาแรกเตอร์แฮมแฮมและผองเพื่อนค่ะ

ร้านแฮมทาโร่ก็จริง แต่ข้างในมีสินค้าอนิเมอื่นๆอย่างวันพีซและโดราเอมอนด้วย

ออกจากโซนด้านบน จะเจอกับแมวกวักสีทองสองตัว สัญลักษณ์ของเครื่องเล่นเปียกๆอย่าง Nagashimasuka → นากาชิมัสกะ แปลเอาเองว่า Let's flow (?) เครื่องเล่นแนวล่องแก่งที่เราคุ้นเคยนั่นเอง แน่นอนว่าเล่นแล้วเปียกแบบนี้ ที่ทางเข้ามีเสื้อกันฝนขายค่ะ

นากาชิมัสกะ หน้าหนาวเราขอบาย


ถัดมาอีกไม่ไกล เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของสวนสนุก Saikyosenritsu → โรงพยาบาลผีสิง Super Scary Labyrinth of Fear แค่ชื่อก็หนาวแล้ว ยิ่งตอนนี้มีการปรับโฉมห้องต่างๆและโถงทางเดินใหม่ให้สยองกว่าเดิมด้วย โรงพยาบาลผีสิงแห่งนี้จะทำให้เราสยองขวัญกระเจิง กับทางเดินยาวกว่า 900 ม. ในตัวโรงพยาบาล 2 ชั้น ใช้เวลาเดินร่วมชั่วโมง (มีทางออกฉุกเฉินให้คนขวัญอ่อนเป็นจุดๆ) ผีใช้คนจริงแต่งซอมบี้ติดอาวุธ (เครื่องมือแพททย์ มีด เลื่อย) เนื้อตัวช้ำเลือดช้ำหนองวิ่งขากะเพลก (น่ากลัวตรงนี้แหละ) ไล่ล่าคนที่เข้ามาลองดี

ฟูจิคิว โรงพยาบาลผีสิง ครั้งหนึ่งในชีวิต ลองครั้งเดียวพอ 55

เมื่อเข้าไปข้างใน พนักงานจะให้เรานั่งดู VTR เกี่ยวกับอดีตของโรงพยาบาลแห่งนี้ที่เคยเต็มไปด้วยคนไข้อนาถา ผอ.โรงพยาบาลได้สมคบกับหมอกระทำการทดลอง ผ่าตัด ชำแหละ ใช้ยา และอีกสารพัดวิธีเพื่อที่จะเปลี่ยนคนไข้ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตใต้อาณัติของ ตน แต่แล้วก็ได้เกิดความผิดพลาดขึ้น ทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้กลายมาเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยซอมบี้ที่มีจิตอาฆาต
(จังหวะนี้จะมีการแอบถ่ายรูปทีเผลอของเราด้วย อย่าลืมเอาตั๋วที่ได้ไปแลกรูปได้ที่ทางออกนะคะ)

จาก นั้นเราจะได้รับไฟฉายคนละกระบอก และถูกกันให้เดินเฉพาะแต่กลุ่มของเราเท่านั้น เส้นทางเดินผ่านห้องวอร์ด, ห้อง CT Scan, ห้องตรวจโรค และส่วนที่ลุ้นที่สุดสำหรับเราก็คือ โถงทางเดินยาว 10 เมตร ที่ลุ้นตัวเกร็งว่าซอมบี้จะออกมาทางไหน (´д`、)ウウウ

อย่าง ที่หลายคนรู้กัน กฎของที่นี่คือห้ามแตะต้องซอมบี้ เพื่อความปลอดภัยเราจะถูกจับตามองโดยพนักงานตลอดเวลา ห้ามเนียนไปรวมกับกลุ่มอื่น และห้ามเข้าคนเดียวค่ะ

โรง พยาบาลผีสิงแห่งนี้ ในหนึ่งวันจำกัดผู้เล่นแค่ 1,000-1,500 คนเท่านั้น ดังนั้นใครหวังจะย้อนกลับมาเล่นช่วงเย็นๆอาจต้องเสียใจเพราะคิวปิดแล้วนะคะ อ่อ เครื่องเล่นนี้ไม่รวมใน Free Pass ถ้าจะเล่นต้องจ่ายเพิ่มคนละ 500 เยนค่ะ

บรรยากาศข้างใน Adventure Land of Kaiketsu Zorori น่ะนั่นมัน ... !?

กะปลกกะเปลี้ยออกมาจากโรงพยาบาลผีสิงแล้ว เราจะเจอกับ Adventure Land of Kaiketsu Zorori จำลองบรรยากาศเหมือนเราได้หลุดเข้าไปในหนังสือนิทาน ใครที่ไปวันคนน้อยก็โชคดีค่ะ เพราะเราจะได้ถ่ายรูปกับฉากน่ารักๆอย่างจุใจ


บรรยากาศหน้ามุมขายของที่ระลึก

จากนั้นเราออกมาเจอกับร้านไทยากิ Fujiyama Taiyaki อืม...ก็ไม่ได้หิวอะไรหรอกนะ แต่กลิ่นมันช่างหอมยั่วใจ พอลองกินดูก็พบว่ารสชาด ... ( ꒪⌓꒪)

ขนมไทยากิ อย่าโดนความหอมหลอกให้ตายใจ

เดินหน้ากันต่อ กับเครื่องเล่นต่อไป Mad Mouse อารมณ์หนูลมกรดบ้านเรา แต่รางยาวกำลังดี สนุกค่ะ

Mad Mouse หนูตัวเล็กกลัวรับน้ำหนักเราไม่ได้น่ะ อิอิ

ระหว่างนี้ถ้าเกิดหิวก็มีร้านพิซซ่าเปิดให้บริการอยู่ไกล้ๆ

ร้านนี้เรายังไม่เคยชิมเลย ใครไปชิมมาแล้ว อร่อยรึเปล่าบอกกันมั่งนะคะ

เดินมาอีกนิดจะพบกับ Evangelion World ข้างในเป็นห้องจัดแสดง มีหุ่น Evangelion ขนาด 1:1 กับการแสดงแสงสีเสียงเล็กๆน้อยๆให้ชม

ด้านหน้า Evangeliom World

Evangelion 1:1 บรรยากาศเหมือนอยู่ในการ์ตูนเลย


มีหุ่นจำลองคาแรกเตอร์ในเนื้อเรื่องขนาดเท่าคนจริงให้ถ่ายรูปด้วยเพียบ

ถ่ายรูปและซื้อของฝากหนำใจแล้ว เราก็ไปต่อที่ Fujiyama → ฟูจิยามะ King of Coaters รถไฟเหาะตีลังกาแบบคลาสสิค กับความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. Maximum Drop ที่ความสูง 79 ม. เครื่องนี้สุดยอดตรงที่เครื่องค่อยๆไต่ขึ้นจุดสูงสุด แล้วตรงหน้าเรามองเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มๆตา สวยมากๆ

ป้ายหน้าทางเข้า Fujiyama King of Coasters

เสียวต่อเนืองกันไปเลยละกัน เพราะไกล้ๆกันเป็นรถไฟเหาะ Takabisha → ทาคาบิฉะ จานทะยานฟ้า เครื่องนี้พาเราไต่ขึ้นไปที่ยอดสูงสุด แล้วก็ทิ้งดิ่งยิ่งกว่าดิ่งที่มุม 121 องศา จังหวะที่ทิ้งดิ่งลงมาเราจะมองไม่เห็นราง ให้ความรู้สึกเหมือนตกตึกยังไงยังงั้น щ(゚Д゚щ)

ฟูจิคิว Takabisha กับรางทิ้งดิ่ง

จาก นั้น เราก็พาแข้งขาอันปลกเปลี้ยมาหยุดที่ Mizuki Shigeru's Ge-Ge-Ge Haunted Mansion อสูรน้อยคิทาโร่ แม้จะเป็นผีการ์ตูน แต่ตอนที่เราไปไม่มีคนอื่นเลย แอบวังเวงเล็กน้อย ข้างในจะปิดไฟมืดแล้วให้เราใส่หูฟัง ฟังบทสนทนาภาษาญี่ปุ่นของบรรดาผีในเนื้อเรื่อง ระบบเสียงสมจริงเหมือนมีผีมาล้วงตับอยู่ข้างหูเราเลยทีเดียว

หน้าบ้านของอสูรน้อยคีทาโร่

การ์ตูนเรื่องนี้ทำเราฝังใจตั้งแต่สมัยเด็กๆที่ช่อง 3 ฉายตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน เพลงประกอบการ์ตูนหลอนอ่ะ แล้วตัวเจ้าพ่อตาเดียวกับหนูผีก็น่ากลัว เราเก็บเอาไปผันร้ายบ่อยมาก (โถ) โตมาตอนนี้ก็ยังไม่ชอบนะ แต่ก๋ซท้อของที่ระลึกกลับมาเพียบทุกครั้ง มีสินค้าลายคิตตี้เวอร์ชั่นคินทาโร่เป็น Limited Edition สำหรับที่นี่เท่านั้นด้วยนะ ヾ(。>﹏<。)ノ゙

มาถึงรถไฟเหาะอีกเครื่องที่พลาดไม่ได้ Dodonpa → โดโดมป้า อันนี้ไม่รู้แปลว่าอะไร เครื่องนี้ทำเราน้ำตาไหลพราก เพราะนั่งปุ๊บออกตัวปั๊บกับความเร็วเริ่มต้นสูงสุด 172 กม./ชม. ใน 1.8 วินาที เขาบอกว่าความรู้สึกเทียบได้กับเรากระโดดลงจากตึกในแนวขนาน

Dodonpa ไม่มีรูปเครื่องอ่ะ เครื่องนี้เร็วจนทำเสียงดังอย่างกับฟ้าผ่า

พัก ความหวาดเสียว มาต่อที่ความลุ้นระทึกกับ Setuboyosai → มิชชั่นเขาวงกต Ultimate Fort โดยผู้เล่นจะได้รับภารกิจคือต้องหนีออกมาจากเส้นทางเขาวงกตสุดหินให้ได้ โดยอาศัยทั้งเชาว์ปัญญา ความจำ พละกำลัง จินตนาการและทุกสิ่งที่คุณมี ผ่านห้องปริศนา Corridors และระบบ Secuirty ที่ Set up ขึ้นมาอย่างดี

ฟูจิคิว Ultimate Fort เกมส์เขาวงกตสุดหิน

เกมส์ นี้หินยังไงน่ะหรอ ก็สถิติผู้ชนะเกมส์นี้ได้อยู่ที่ 1:100,000 กว่า 630,000 ผู้ท้าประลอง มีกลุ่มที่พิชิตชัยชนะได้แค่ 2 กลุ่มเท่านั้น เครื่องเล่นนี้ถ้ากลุ่มไหนผ่านออกมาได้ในเวลาที่กำหนด ทางสวนสนุกจะบันทึกชื่อไว้เป็นเกียรติยศพร้อมทั้งมอบรางวัลให้เป็นที่ระลึก ด้วย

นอกจากเครื่องเล่นสุดท้าทายที่ยกมาแนะนำ ฟูจิคิวยังมีเครื่องเล่นเบาๆอย่างม้าหมุน ถ้วยหมุน ชิงช้าสวรรค์ไว้ให้ผ่อนคลายความตื่นเต้น รวมถึงเครื่องเล่นเปียกๆแนว Super Splash ที่สร้างคลื่นสุดอลังการอย่าง Great ZABOON อีกด้วย

กลยุทธ์พิชิตเครื่องเล่นให้ครบในวันเดียว


เนื่องจากฟูจิคิว เป็นสวนสนุกยอดนิยมของบรรดาวัยรุ่น ในวันหยุดไม่ต้องพูดถึงหมู่มวลมนุษย์ที่เข้าคิวเครื่องเล่นกันขั้นต่ำ 1-2 ชม. ในวันธรรมดาอาจจะมีบ้างที่มาจ๊ะเอ๋กับกลุ่มเด็กมัธยมที่มาทัศนศึกษา แต่ก็ยังดีกว่ามาในวันหยุดแน่ๆ

บรรยากาศหน้าซุ้มไอติมกับยากิโซบะค่ะ มองลงมาจากทางเข้าคิว Fujiyama

ถ้าอยากที่นี่ มาแบบไม่ให้เสียเที่ยว แนะให้เตรียมตัววางแผนมาล่วงหน้า โดยเฉพาะคนที่จำเป็นต้องมาในวันหยุด สำหรับกลยุทธ์พิชิตเครื่องเล่นให้ครบในวันเดียว หรืออย่างน้อยก็เที่ยวให้คุ้มที่สุดใน 1 วันมีดังนี้

→  ซื้อตั๋ว Free Pass ล่วงหน้า เพราะถ้าคิดจะมาซื้อที่สวนสนุก ในวันที่คนเยอะ คุณอาจต้องรอคิวยาวถึง 1 ชม. ซื้อตั๋วผ่านหน้าเวบ Official ได้ที่นี่ คลิก

→ มาถึงสวนสนุกล่วงหน้าก่อนเวลาเปิด

→ เล็งวันมาเที่ยวให้เป็นวันที่มีเวลาเปิดทำการสั้นเข้าไว้ เพราะวันแบบนี้คนจะน้อยเป็นพิเศษ ตรวจสอบวันและเวลาเปิดทำการล่วงหน้าได้ที่นี่ คลิก 

→ ในวันหยุด ช่วงเที่ยง เราอาจต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีหาที่นั่งในศูนย์อาหาร (อาจต้องรอถึง 1 ชม.) ช่วงเวลาพีคที่สุดที่คนพักทานข้าวกันคือ 11:30-14:00 น. แม้แต่ Fast Food ก็ยังคิวยาว จึงแนะนำให้ทานข้าวกันก่อนหรือหลังช่วงเวลานี้ หรือจะฝากท้องกับขนมกินเล่นจำพวกเครป หรือจะพกข้าวกล่อง, ขนมมาเองทางสวนสนุกก็ไม่มีปัญหา

→ ที่ตั้งของฟูจิคิวอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 800 ม. ถ้าคิดว่ามาเที่ยวหน้าร้อนแล้วที่นี่จะเย็นกว่าปกติละก็ คิดผิด! ก็เหมือนกับเวลาเราขึ้นดอยนั่นแหละ เวลาร้อนก็ร้อนจัด เวลาหนาวก็หนาวจับใจ ใครไปเที่ยวหน้าร้อน ทางสวนสนุกแนะนำเองเลยว่าให้พกกระติกน้ำจำพวก Cooler box ไปด้วย ไ้ด้ดื่มน้ำเย็นชื่นใจ ใช้เป็นเก้าอี้ก็ได้

→ บริเวณจุดรอ ณ ปากทางเข้าเครื่องเล่น จะมีป้ายบอกว่าจกจุดนี้รออีกกี่ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ประมาณ 2 ชม.ก่อนสวนสนุกปิด เราจะไม่มีสิทธฺ์เข้าไปต่อคิวแล้ว เนื่องจากกว่าจะถึงคิวก็หมดเวลาทำการแล้วนั่นเอง

→ อากาศบนเขาเปลี่ยนแปลงบ่อยในวันเดียว ใครที่ซื้อเสื้อกันฝนมาจาก Nagashimasuka ก็อย่าเพิ่งทิ้งล่ะ และบางครั้งฝนตกเพียงแค่ลงเม็ด เครื่องเล่นหวาดเสียวหลายเครื่องก็จะปิดให้บริการชั่วคราว ดังนั้นเล็งช่วงเวลหลังฝนหยุดไว้ให้ดี เพราะมีผลต่อปริมาณคนเข้าคิวมากทีเดียว

และเนื่องจากที่ตั้งของสวนสนุกฟูจิคิวอยู่ที่เมืองฟจิโยชิดะ จังหวัดยามานาชิ อันเป็นที่ตั้งของทะเลสาบคาวากุจิโกะ หนึ่งใน 5 ทะเลสาปรอบภูเขาไฟฟูจิอันโด่งดัง จึงขอแนะนำว่าน่าจะวางแผนมาเที่ยวที่นี่แบบค้างคืน โดย 1 วันเที่ยวสวนสนุก แล้วกลับมานอนแช่น้ำร้อนออนเซ็นสบายๆที่โรงแรม อีก 1 วันต่อมาก็เที่ยวรอบทะเลสาปจะคุ้มค่าการเดินทางค่ะ ไว้คราวหน้าจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆฟูจิคิวนะคะ

6/12/57

ลิปสติกหัก แป้งพัฟแตก ทำยังไงดี? 4 วิธีเพื่อใช้เครื่องสำอางค์ให้คุ้มค่าที่สุด


ไปอ่านเจอมาจาก Mary.jp เกี่ยวกับวิธีการกู้ชีพเครื่องสำอางค์ที่แตก/หัก/แห้งเกรอะให้สามารถกลับนำมาใช้ใหม่ด้อย่างคุ้มค่า น่าสนใจดีไม่น้อยเลยขอแปลแปะบล็อกไว้หน่อย สำหรับเราเคยเจอเคสแป้งพัฟตกแตกกระจุยกระจาย ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าควรทำยังไงก็จำใจต้องทิ้งแล้วซื้อใหม่ เพราะเก็บแป้งที่แตกเป็นผงไว้แล้วมันหกเลอะกระเป๋า วันไหนเผลอทำตลับแป้งหลุดมือร่วงตกพื้นก็เล่นเอาวันนั้นเซ็งไปทั้งวันเลยทีเดียว


สำหรับตอนนี้มีวิธีที่ซ่อมเครื่องสำอางค์ที่นำเสนอ 4 ประเภทด้วยกันก็คือ ลิปสติก แป้งพัฟ มาสคาร่า และอายชาโดว์ค่ะ ♩

Case1 ลิปสติกหัก 


เคยไหมแกะลิปสติกแท่งใหม่เอี่ยม ยังไม่ทันเห่อเลย มันก็หักออกจากโคนคามือซะอย่างงั้น


วิธีกู้ชีพ: ใช้ไดร์เป่าผมทำให้อุ่นโดยด่วน ความอุ่นจะช่วยให้เนื้อลิปสติกละลายผสานติดกันได้ ประกบลิปสติกท่อนที่หักเข้าด้วยกันก่อนเป่าลมร้อนจี้เข้าไป ทิ้งไว้ให้เย็นสัก1ชั่วโมงลิปสติกจะแข็งตัวติดกันเหมือนเดิมค่ะ

Case2 แป้งพัฟอัดแข็ง หรือแป้งฟาวเดชั่นแตก 


ไอเทมอันดับ 1 ที่มักแตกกระจุยกระจายคงไม่พ้นแป้งพัฟอัดแข็ง หรือแป้งฟาวเดชั่น คิดว่าใครที่เคยใช้แป้งพัฟต้องมีประสบการณ์นี้กันทุกคน


วิธีกู้ชีพ: แกะแป้งที่แตกออกใส่ถุงพลาสติก บี้ให้ละเอียดเป็นผง เทกลับตลับแป้ง วางแผ่นพลาสติกไว้ด้านบน แล้วใช้อุปกร์แข็งๆกดอัดกลับลงไปในตลับ (พวกก้นขวดเครื่องสำอางค์แข็งๆช่วยได้นะคะ)

Case3 อายชาโดว์แตก


ไอเทมที่ชอบแตกกระจุยกระจายรองจากแป้งพัฟอัดแข็ง ยังมีวิธีเปลี่ยนสภาพให้ใช้ให้คุ้มค่าได้อีกนะคะ


วิธีกู้ชีพ: ใช้เบบี้ออยล์หยดบนลงอายชาโดว์ที่แตกออก 2-3 หยด แล้วกวนให้เข้ากันด้วยด้ามพู่กันก็ได้ค่ะ อายชาโดว์ที่แตกเป็นผงและเก็บยากจะเปลี่ยนสภาพเป็นเนื้อลิควิด ดีกว่าต้องทิ้งให้มีสภาพไม่น่าใช้ คิดว่าเราได้อายชาโดว์แบบ 2 in 1 ละกันนะคะ ในตลับเดียวมีทั้งอายชาวโดว์พาวเดอร์และลิวิดอายชาโดว์

* เมื่อก่อนเคยเห็นแบรนด์ Missha มีน้ำยาสำหรับหยดลงอายชาโดว์ชนิดผงให้เปลี่ยนเป็นเนื้อลิขวิดด้วยนะ ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่รึเปล่า

Case4 มาสคาร่าแข็งเป็นก้อน



ซื้อมาสคาร่ามาแต่ไม่ค่อยได้ใช้ เปิดดูอีกทีก็จับตัวกันเป็นก้อน อยากจะใช้มาสคาร่าแบบคุ้มค่าหมดแท่งดูบ้าง


วิธีกู้ชีพ: ลองแช่แท่งมาสคาร่าในถ้วยน้ำร้อน ส่วนที่เป็นน้ำมันจะละลายตัว และช่วยให้มาสคาร่ากลับมาเหลวลื่นใช้ง่ายอีกครั้ง


ส่วนอันนี้ใครเคยลองซื้อมาเล่นบ้าง Mascara lacquer สำหรับเอาไว้หยดลงมาสคาร่าที่แข็งเป็นก้อน ซื้อได้ที่ร้านไดโซะ ญี่ปุ่นนะคะ ไม่แน่ใจว่าเมืองไทยมีหรือเปล่า 

。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。

ง่ายๆแค่นี้เราก็สามารถยืดอายุการใช้งานเมกอัพของเราออกไปได้อย่างคุ้มค่าแล้ว

จะว่าไปกรุเครื่องสำอางค์เราก็เยอะมาก อย่าว่าแต่จะซ่อมอันที่มีให้ใช้ต่อได้เลย อันดีๆที่มีอยู่ก็ใช้กันไม่ทัน อิอิ ขนาดมีเยอะแล้ว เห็นรุ่นใหม่ๆ ออกมาก็มิวายอยากได้ ผู้หญิงหนอผู้หญิง

Credit รูปภาพจาก weheartit.com, ameblo.jp, mery.jp

5/12/57

แต่งหน้าแบบเกาหลี ♡ แต่งหน้าสไตล์ “ออลจัง”


หลายๆคนคงรู้จักดีกับคำว่า “ออลจัง” นะคะ ในภาษาเกาหลีมีความหมายตามตัวอักษรว่า หน้าตาดี ใช้เป็นคำเรียกบรรดาคนดังหน้าตาดีในโลกอินเตอร์เนตนั่นเอง
สไตล์การแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมของออลจังน่ารักสดใสจนตอนนี้กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ออลจัง ลีกึมฮี น่ารักมากกก

อยากลองแต่งหน้าสไตล์เกาหลีให้น่ารักแบบออลจังบ้าง จะต้องดึงจุดเด่นในการแต่งหน้าสไตล์ออลจังออกมา


1. ออลจังมักจะเขียนอายไลน์เนอร์หางยาวและชี้ขึ้น
2. แต่งใต้ตาแบบเน้นถุงน้ำตาเด่นๆ                  
3. คิ้วออลจังนาและกันเป็นเส้นตรง 
4. ต้องไฮไลต์เน้นสันจมูก
5. แต่งหน้าโทน Matt ให้สีด้าน ดูป็นธรรมชาติ 
 
。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。

อย่ารอช้า เรามาลองฝึกแต่งหน้าแบบออลจังบ้างดีกว่า! (*′▽`)〇))


♫ แต่งตาแบบออลจัง อายไลเนอร์แบบเน้นหางตาเป็นพิเศษ 


1. ถมดำเปลือกตาบริเวณใต้ขนตาเป็นอันดับแรก

2. ลงอายไลเนอร์ตามแนวเปลือกตาของเราและลากเส้นหางให้ยาวจากหางตา

3. เขียนขอบตาล่างด้วยอายไลเนอร์ความยาว ¼ จากหางตาเข้ามาทางหัวตา 


4. แต่งใต้ตาแบบเน้นถุงน้ำตาให้เด่นอย่างเป็นธรรมชาติด้วยอายชาโดว์แบบมีกลิตเตอร์เล็กๆ แล้วเน้นส่วนหัวตาด้วยอายไลเนอร์สีขาว ระวังอย่าให้สีเข้มจนเกินไป

。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。

♫  ไฮไลต์เน้นสันจมูกและแก้ม 


เส้นประสีเขียว→ไฮไลต์สีสว่าง

เส้นประสีน้ำตาล→เฉดดิ้งสีเข้ม 

เส้นประชมพู→ปัดแก้มด้วยบร้ชออนเนื้อ Matt


“สไตล์ของออลจังเน้นการแต่งหน้าแบบใสๆ ดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้นอย่าเผลอลงสีเมคอัพเข้มเกินไป” 


。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。

♫  จัดระเบียบคิ้ว


1. กันคิ้วให้เป็นเส้นตรงเสมอกัน 

2. เขียนคิ้วแบบไม่ต้องเน้นมุมหักโค้งมากนัก 

3. เขียนคิ้วหนาให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ

。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。★。+゚☆゚+。

♫  เติมสีสันให้ริมฝีปาก  


1. ลงลิปคอนซิลเลอร์เพื่อให้สีปากสม่ำเสมอก่อน 

2. ลงลิปสีชมพูอ่อนทั่วริมฝีปาก 

3. ลงลิปทินต์หรือลิปเครยอนสีเข้มด้านในริมฝีปาก

4. เม้มปากเข้าหากัน เท่านี้ก็จะได้ริมฝีปากน่ารักสไตล์เกาหลีแล้ว 
 
*´∀`*´∀`*´∀`*´∀`*´∀`*´∀`*´∀`*´∀`*´∀`*´∀`*´∀`*

 \ สำเร็จเรียบร้อยกับแต่งหน้าแบบออลจัง!! ♡ /


ขอทิ้งท้ายบทความนี้ ด้วยรวมรูปออลจัง คนสวยน่ารักสไตล์เกาหลีให้เป็นของแถมนะคะ ♡










Credit รูปภาพจาก weheartit.com, ameblo.jp, mery.jp
 
*◇*◆*◇*◆*◇*◆*◇*◆*◇*◆*